วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

Power brush Vs Me


ในทุกๆวัน คนเราต้องแปรงฟันกันวันละ2ครั้งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าฉันจะกล่าวถึงแปรงสีฟันก็คงจะเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน แต่ครอบครัวของฉันนั้นใช้แปรงสีฟันไฟฟ้ากันทั้งครอบครัว เนื่องจากแม่ของฉันได้เคยอ่านหนังสือพบว่ามีแปรงสีฟันที่ใช้ไฟฟ้าในการแปรง ก็เกิดความสนใจขึ้นแต่ด้วยเมื่อสมัยก่อนนั้นปรงสีฟันแบบนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักจึงมีราคาแพงพอมควร แต่แล้วแม่ก็ไปลองซื้อมาใช้ หลังจากใช้แล้วก็พบว่าให้ผลดีมาก แม่จึงจัดการให้เรางครอบครัวใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า การใช้แปรงฟันไฟฟ้านั้นไม่ได้หมายความว่าคนใช้ขี้เกียจแปรงเอง หรือขี้เกียจขยับมือ แต่แปรงฟันไฟฟ้าให้ผลที่แปรงฟันธรรมดาให้ไม่ได้ ตอนแรกๆนั้นฉันไม่ค่อยจะชอบใจซักเท่าไหร่ เพราะในการแปรงแต่ละทีจะต้องแปรงประมาน 3 นาทีต่อการแปรงหนึ่งครั้ง ดังนั้นฉันก็จะไม่ค่อยรอให้มันครบตามกำหนดเวลาซักเท่าไหร่ ก็จะกดปิดก่อนเสมอ แต่เมื่อนานๆไป แม่ก็ทราบว่าฉันไม่แปรงตามเวลาที่กำหนด แม่ก็เตือนว่าให้แปรงให้ครบ แล้วสุขภาพเหงือกและฟันของเราก็จะดี ฉันก็เชื่อแม่และทำตามนั้นตลอดมา การใช้แปรงฟันไฟฟ้านั้น สามารถกำจัดคราบต่างๆ และทำความสะอาดฟันได้ดีกว่าแปรงฟันแบบธรรมดา จากประสบการณ์ตรงเมื่อฉันใช้มาเป็นเวลามากกว่า5ปีแล้ว และก็ยังมีนักวิจัยออกมาเปิดเผยว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถขจัดคราบหินปูนและช่วยความเสี่ยงการเป็นโรคเหงือกอักเสบได้ดีกว่าแปรงฟันธรรมดา และถ้ายิ่งใช้นานก็จะยิ่งเห็นผลมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะหัวแปรงกลมที่สั่นและหมุนได้รอบช่วยขจัดคราบหินปูนและป้องกันโรคเหงือกอักเสบได้ดีกว่าหัวแปรงธรรมดา ไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือระยะยาว และสมาคมทันตกรรมยังแนะนำว่า ควรใช้แปรงสีฟันหัวเล็ก เพราะมันจะเข้าถึงทุกส่วนในช่องปากได้ดีกว่าและเข้าไปในซอกมุมที่จะมีเศษอาหารและคราบหินปูนเกาะ นอกจากนี้การแปรงในลักษณะวนไปมาเป็นวงกลมเป็นการแปรงฟันที่ดีที่สุด นี่คงะเป็นข้อยืนยันได้ว่าการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้านั้นมีประสิทธิภาพและให้ผลดีต่อสุขภาพเหงือกและฟันของผู้ใช้จริง และตัวฉันก็จำไม่ได้แล้วว่าไปขูดหินปูนครั้งล่าสุดนั้นมันนานมากแค่ไหนแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: