วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

เทคโนโลยี ภัยร้ายของวัฒนธรรม

เทคโนโลยี :ภัยร้ายของวัฒนธรรม

เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความทันสมัย สิ่งอำนวยความสะดวก ความก้าวหน้าทุก ๆด้านแต่ก็นำมาซึ่งสิ่งหนึ่งนั่นคือ วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป รวมทั้งค่านิยมดั้งเดิมของสังคม วัฒนธรรมประเพณี ที่ถูกบิดเบือนหรือลดคุณค่า
ข้าพเจ้าเกิดมา ณ หมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ที่แวดล้อมไปด้วยป่าไม้ และแมกไม้นานาพันธุ์ สิ่งอำนวยความสะดวกแทบไม่มี ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีเกือบตลอดทั้งปี วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตื่นเช้ามา ได้ยินเสียงไก่ขัน เสียงนกน้อยร้อง เสียงสัตว์เลี้ยง เสียงม้า เสียงคน ดังเจี๊ยวจ๊าว.. แสงอาทิตย์ส่องผ่านยอดไม้ ดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่ง สายลมเย็น ๆ พัดผ่านมา ผู้คนมากมายต่างไปทำหน้าที่ของตนตามวิถีชีวิตในแต่ละวัน พอพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ผู้คนต่างหลั่งไหลจากเส้นทางทุกสาย มุ่งเข้ากลับหมู่บ้าน ช่างเป็นภาพที่งดงามจริง ๆ พอตกดึก มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงใบน้อย ๆ ที่ส่องสว่างอย่างรีบหรี่ พอมองเห็นทางเดินและหน้าคนแทบมองไม่รู้ ว่าใครเป็นใคร และแล้วเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ทุกบ้านต่างดับไฟ เสียงคนที่เคยคุยกัน ก็ดับไปพร้อมกับแสงตะเกียงที่ส่องสว่าง
สังคมบ้านนอก ที่อยู่สุดปลายดอย ทุกคนต่างมีน้ำใจ แบ่งปันซึ่งกันและกัน ความวุ่นวายแทบไม่มีให้เห็น ผู้คนทุกคนต่างมีรอยยิ้ม หน้าตาสดชื่น การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่มี มีแต่ความรักความอบอุ่น ไม่เคยกังวลในเรื่องการทำมาหากิน การกินการอยู่ เป็นแบบพอเพียง เงินไม่มี ก็อยู่ได้โดยอาศัยธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ข้าง ถึงเวลาเทศกาล ทุกคนต่างไปร่วมด้วยความพร้อมเพรียงกัน ไม่มีการประกาศ ไม่มีการชักชวน แต่เป็นอันที่รู้กันว่า เวลาใด คือเวลาที่จะไปรวมตัว ทำกิจกรรมด้วยกัน
และแล้วในวันหนึ่ง ก็มีรถอะไรก็ไม่รู้ ที่ใหญ่โตมากๆ ที่คอยไถถนน และรถอะไรก็ไม่รู้ ที่คอมันยาว ๆ คอยตักดินโค่นต้นไม้ทุกต้นที่มันเดินผ่าน (ตอนหลังจึงรู้ว่า มันคือรถไถและรถแบ็กโคร์) ตัดถนนลาดยางเข้ามาในหมู่บ้าน และสิ่งหนึ่งที่ตามมาก็คือเสาไฟฟ้า และแสงสว่างที่ส่องสว่างมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ณ กลางป่าแห่งนี้
และสิ่งที่ตามมาก็คือทีวี รถยนต์ และรถเครื่อง เด็ก ๆ ที่เติบโตมาในยุคของการมีถนนและไฟฟ้า ได้รับพฤติกรรมที่แปลกๆ ไม่เหมือนรุ่นที่ก่อนหน้านั้น สำหรับข้าพเจ้า ตอนสมัยเด็ก ๆ ตกเย็นมา ก็จะรวมตัวกับน้อง ๆ ไปขอให้คุณพ่อเล่านิทาน นอนฟังคุณพ่อเล่านิทานจนหลับไป พอสะดุ้งอีกทีก็เช้าแล้ว แต่เด็ก ๆ ทุกวันนี้ ตกเย็น กลับนั่งอยู่แต่ที่หน้าจอทีวี ดูละคร ได้ดูอะไรต่อมิอะไรที่เมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่เคยได้ดู
และแล้วในวันนี้ หมู่บ้านที่เคยสงบ กลับกลายมาเป็นหมู่บ้านที่คึกคักไปด้วยผู้คน และสิ่งอำนวยความสะดวก ตื่นเช้ามา ได้ยินแต่เสียงรถดังกระหึ่ม ได้ยินแต่เสียงโรงสีข้าว ได้ยินแต่เสียงเพลงดังแทบทุกบ้าน วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป และสิ่งที่ตามมาคือ พอตกกลางคืน ก็จะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง นั่นคือวัยรุ่นในหมู่บ้านนั่นเอง ที่ออกมารวมตัวกัน บิดรถไปตามถนนรอบ ๆ อยู่บ้าน ตั้งวงกินเหล้าเสียงดังโวยวายไปทั่ว ตั้งแก็งค์ทำร้ายคนที่เดินผ่านไปมา ความปลอดภัยในชีวิตของบ้านนอก แทบไม่เหลืออีกเลย
นี่แหละสิ่งที่ตามมากับเทคโนโลยี เด็ก ๆ และวัยรุ่นเหล่านี้ ได้รับเอาพฤติกรรมจากสิ่งต่าง ๆ ทั้งในทีวี และในภาพยนตร์ ที่โหดร้าย ไม่มีจริยธรรม
จากที่กล่าวมา คือสิ่งที่บอกเล่า ถึงเหตุการณ์น้อย ๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตของข้าพเจ้า ที่ได้ประสบพบเจอ ในตอนแรก ๆ ก็ไม่เข้าใจอะไรมากนักว่า มันเกิดจากอะไร และแล้วในวันหนึ่ง ก็ได้มาศึกษาหาความรู้ จึงรู้ว่า นี่แหละ เกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี แต่คุณธรรมและวัฒนธรรมของสังคม กลับถดถอย

สิรวิชญ์ ปัตติธรรม
20 ก.ย. 51

ไม่มีความคิดเห็น: