วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

เทคโนโลยี...แฝงอันตราย

เทคโนโลยี... แฝงอันตราย
สมัยนี้เทคโนโลยีดูจะเป็นสิ่งจำเป็น ในชีวิตประจำวันของชาวโลกาภิวัตน์ไปแล้ว และด้วยความสะดวกสบายนี้เอง จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้แบบอิเล็กทรอนิกส์ ต่างหากลยุทธ์ผลิตสินค้าใช้สะดวก เพื่อตอบสนองความอยากสบายออกมาให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง แต่เราอย่าลืมว่า สิ่งไหนที่ให้ที่เอื้อความสะดวกสบายให้กับเรามาก สิ่งนั้นก็ย่อมจะมีพิษภัยตามมาด้วยเช่นกัน อาทิ 4 เทคโนโลยีนี้
1. คอมพิวเตอร์ปัจจุบัน คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในชีวิตประจำวันหรือแม้แต่การทำงาน ผู้ที่ทำงานออฟฟิศ บ่อยครั้งที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละไม่ต่ำกว่า 6-8 ชม. จึงมีข้อสันนิษฐานว่า การอยู่ใกล้คอมพิวเตอร์นานขนาดนั้นจะมีผลอะไรหรือไม่ คำตอบ คือ มีผลอย่างแน่นอนในต่างประเทศพบว่า มีผู้ที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ถึงกับ “ช็อก” มาแล้ว สาเหตุมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่รังสีออกมาบางคนก็ประสาทตาเสีย มีอาการปวดศีรษะปวดตา อาเจียน เพราะโมเลกุลในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดภาวะแรงตังผิวเพิ่มขึ้นมาก
ในประเทศออสเตรเลีย มีข่าวผ่านสื่อออกมาว่าผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ มีโอกาสเป็น “มะเร็งสมอง” เพิ่มขึ้น เพราะสนามแม่เหล็กที่ส่งผ่านออกมาจากจอมอนิเตอร์ หรือจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอด Cathode-rayนั่นเอง โดยมีการวิจัยชิ้นนี้ได้รับแรงสนับสนุนยืนยันจากการศึกษาวิจัยที่เรียกว่า AdelaideStudy ในเรื่อง “การได้รับสนามแม่เหล็กกับมะเร็ง” ซึ่งเจาะจงศึกษามะเร็งสมองชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “กลิโอมา”(Glioma) โดยเฉพาะนอกจากนั้น ยังพบว่าผู้หญิงมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้สูงขึ้น แต่เป็นเพียงแค่สมมติฐานหนึ่งเท่านั้น เพราะจากการวิจัยพบว่า ยังมีส่วนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องหลายอย่าง ที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดหมาย จึงไม่สามารถยืนยันได้อย่างมั่นใจ มีการวิจัยมากกว่า30 ชิ้น ที่รายงานผลการศึกษาในผู้ใหญ่
ที่ทำงานในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กสูง พบว่าเป็น มะเร็งหลายชนิด (ที่พบบ่อย คือ มะเร็งในเม็ดโลหิต มะเร็งสมอง มะเร็งทรวงอก) และรังสีของเครื่องคอมพิวเตอร์มีผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายคนเรา เช่น หญิงที่นั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกวัน โอกาสตั้งครรภ์จะน้อย เด็กและหญิงมีครรภ์ ไม่ควรอยู่ใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอันตรายจากรังสีคอมพิวเตอร์มีอยู่มากมาย เช่น คลื่นรังสีจากคอมพิวเตอร์ ทำให้เซลล์ที่ควบคุมแคลเซียมของร่างกายทำงานเร็วขึ้น ทำให้ง่ายต่อการเป็นมะเร็ง รังสีจากคอมพิวเตอร์และมอนิเตอร์ และ Accessories ต่างๆมีผลให้เด็กในครรภ์ผิดปกติ แท้ง หรืออาจจะคลอดก่อนกำหนด รังสีจากคอมพิวเตอร์และมอนิเตอร์ ทำให้เยื่อจมูกอักเสบ ปวดศีรษะนอนไม่หลับ หายใจไม่สะดวก ฯลฯ
2. ไมโครเวฟข้อมูลจากหนังสือ “การก่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บและการป้องกัน” เขียนโดย ดร.หงซานเปิ่นศาสตราจารย์ด้านโภชนาการ มหาวิทยาลัยสิงคโปร์กล่าวถึงผลร้ายที่เกิดจากไมโครเวฟว่า ในประเทศรัสเซียเยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ค้นพบว่า คลื่นไมโครเวฟจะทำให้สมองเสื่อม ความยาวของคลื่นสมองสั้นลง และบนฉลากขวดนมสำหรับเลี้ยงทารก มีการระบุอย่างชัดเจนว่า ห้ามใช้เตาไมโครเวฟต้มน้ำให้เดือด เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟ จะไปทำลายสารอาหารที่มีประโยชน์ในนมเสียหมด
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเรื่อง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน โดย ศ.น.พ.สุรพล อิสรไกรศีล สาขาวิชาโลหิตวิทยาภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช พบว่า การสัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ภายในบ้านเรือนที่มีคลื่นแม่เหล็ก เช่นการใช้เครื่องเป่าผม คอมพิวเตอร์โทรศัพท์มือถือ เตาไมโครเวฟและการอาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่มีสายไฟฟ้าแรงสูง จะทำให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด AML ส่วนปัจจัยอื่นๆ ไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยยะสำคัญ
3. โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศมีรายงานผลทางวิทยาศาสตร์และการวิจัย ออกมาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือสามารถแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาได้ และเป็นรังสีชนิดเดียวกับเตาไมโครเวฟ ซึ่งเป็นคลื่นความร้อนทำลายเซลล์ดีหลายชนิด เพียงแต่มีปริมาณรังสีที่น้อยกว่าเตาไมโครเวฟเท่านั้นผล
จากการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า รังสีไมโครเวฟสามารถทำลายเซลล์ประสาทและเซลล์ตัวอ่อน ที่อยู่ในครรภ์มารดา ทำให้เป็น “โรคต้อกระจก” เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของโลหิต และยังเป็นสาเหตุของความอ่อนแอ ในระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วยหน่วยงานวิจัยเทคโนโลยีของโทรศัพท์ไร้สาย หรือ “WTR” (Wireless Technology Research) ได้ทำการศึกษาผลข้างเคียงจากการใช้โทรศัพท์มือถือมานานร่วม 7 ปี ก่อนจะมีรายงานสรุปผลออกมาสู่สาธารณชนว่า รังสีไมโครเวฟที่แพร่ออกมาจากเครื่องโทรศัพท์มือถือนั้น มีฤทธิ์ทำลายสารพันธุกรรมในเม็ดเลือด แต่สิ่งที่น่ากลัว ไม่ใช่ระดับความถี่ของรังสีไมโครเวฟ แต่เป็นช่วงระยะเวลาของการใช้งาน ดังนั้น ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือคุยต่อเนื่องกันนานๆ มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคเนื้องอกในสมองชนิดหนึ่ง เรียกกันทางการแพทย์ว่า “Neuroepithelial Tumors” และดร.เล็นนาร์ท ฮาร์เดลล์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งจากสวีเดน กล่าวว่า มีข้อบ่งชี้ทางชีววิทยาว่า รังสีไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือ มีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในสมองสูงถึง 2.5 เท่า
4. เครื่องถ่ายเอกสารเครื่องถ่ายเอกสารเป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่ง ที่พนักงานออฟฟิศจะต้องสัมผัสอยู่บ่อยครั้ง คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์กิจกรรม 5 ส. กองทัพเรือ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เครื่องถ่ายเอกสารเป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพผู้ใช้โดยไม่รู้ตัวจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามและเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ให้มากขึ้น อันตรายที่เราจะได้รับจากเครื่องถ่ายเอกสารมีดังนี้
1. ก๊าซโอโซน เกิดจากการอัดและปล่อยประจุไฟฟ้าที่ลูกกลิ้งและกระดาษโอโซน บางส่วนเกิดจากการปล่อยแสงเหนือม่วง (UV)จากหลอดไฟฟ้าพลังงานสูงของเครื่องถ่ายเอกสาร ส่งผลให้เกิดความระคายเคืองต่อตา จมูก และคอ ทำให้หายใจสั้น วิงเวียน และปวดศีรษะเป็นสาเหตุของความล้าและการสูญเสียประสาทรับรู้กลิ่นด้วย คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แู่ล้ว เช่น โรคหอบหืดไม่ควรสัมผัสกับโอโซน
2. ฝุ่นผงหมึก เครื่องถ่ายเอกสารระบบแห้ง ประกอบด้วยผงคาร์บอนผสมกับพลาสติกเรซิน ส่วนเครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียกผงหมึก จะละลายในสารละลายอินทรีย์พวกปิโตรเลียม ซึ่งมีอันตรายจากส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีทั้งสิ้น การหายใจเอาผงหมึกเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ มีอาการไอและจามนอกจากนี้ สารไนโตรไพรินซึ่งพบในผงคาร์บอนดำ และไตรไนโตรฟูโอรีน (TNF) ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า เป็นสารก่อมะเร็ง และเป็นสารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือมีผลทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์อีกด้วย
3. แสงเหนือม่วง (รังสียูวี) รังสีจะแผ่ออกมาจากหลอดไฟพลังงานสูงภายในเครื่อง ขณะที่มีการถ่ายเอกสาร ทำให้เกิดการอักเสบของกระจกตาและมีผื่นคันตามผิวหนัง แต่มีผลน้อยมาก
4. สารละลายอินทรีย์จำพวกปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน เป็นตัวทำละลายในผงหมึกของเครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียกทำให้เกิดการระคายเคืองตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจเกิดอาการแพ้และเป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง
5. สารเคมีอื่นๆ เช่น ซีลีเนียม แคดเมียมซัลไฟด์ซิงค์ออกไซด์ และโพลิเมอร์ ซึ่งถูกเคลือบไว้ที่ลูกกลิ้งมีลักษณะเป็นสารนำแสง ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจส่วนต้น ตา และชั้นเยื่อเมือกของกระเพาะอาหาร ตลอดจนเป็นสารก่อมะเร็ง แต่สารเหล่านี้จะถูกปล่อยออกมาในปริมาณน้อยมาก เกินกว่าที่จะตรวจสอบได้
สรุปคืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นๆสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้การเพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงรู้จักใช้อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างชาญฉลาด จะช่วยให้เราได้รับความปลอดภัยและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างสูงสุด

เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต

เทคโนโลยีสาระสนเทศกับแนวโน้มของโลกในอนาคต
แต่ก่อนนี้หนังสือเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารและความรู้ที่สำคัญ การสื่อสารถึงกันก็ใช้การส่งจดหมายที่เขียนหรือพิมพ์ลงบนกระดาษ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถค้นคว้าข้อมูล ข่าวสารและความรู้ รวมทั้งทำให้เราสามารถสื่อสารถึงกันได้อีกทางหนึ่ง เรียกว่า “เทคโนโลยีสารสนเทศ”
เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นค้าที่มีความหมายกว้างไกล เป็นคำที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดมา
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ได้รับการประมวลด้วยวิธีต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายต่อผู้รับ
เมื่อรวมคำว่าเทคโนโลยีกับสารสนเทศเข้าด้วยกัน จึงหมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล
เทคโนโลยีสารสนเทศกับแนวโน้มของโลกในอนาคตนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า ปัจจุบันนี้ มนุษย์ต่างก็ต้องการความสะดวกรวดเร็วซึ่งจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีสารสนเทศมาเกี่ยวข้อง เช่น การค้นคว้าข้อมูล ข่าวสารความรู้จากซีดีรอมและเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งเครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็คือ ระบบการเชื่อมโยงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลกันโดยไม่จำกัดระยะทาง เราจึงอาจใช้เครืองข่ายอินเตอร์เน็ตแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้โดยไม่มีขอบเขต อีกทั้งอินเตอร์เน็ตยังเป็นเครือข่ายข้อมูลข่าวสารและความรู้ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย,การสื่อสารโดยอาศัยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า e-mail เป็นจดหมายที่ส่งและรับผ่านเครือข่ายการสื่อสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ อีเมลล์ส่วนมากจะส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จึงประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย,แผ่นป้ายอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า webboard หมายถึงพื้นที่สำหรับให้สมาชิกในเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์สามารถตั้งกระทู้ แสดงความคิดเห็น หรือแจ้งข่าวสารแก่เพื่อนสมาชิกคนอื่นๆที่เข้ามาอ่านได้,ห้องคุยอิเล็กทรอนิกส์ หรือ chat room (ห้องสนทนา) หมายถึงสถานที่ในเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถคุยกันโดยวิธีการพิมพ์ข้อความ ชื่อของผู้พิมพ์ข้อความที่พิมพ์ลงไปจะไปปรากฎบนจอภาพของผู้ที่กำลังคุยกันในห้องคุยนั้น ... จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีประโยชน์หลายด้าน ทั้งด้าน ความรู้ ข่าวสาร บันเทิง กีฬา เป็นต้น แต่ในทางกลับกันถ้าหากว่าเราใช้ไม่ระวังก็จะก่อให้เกิดโทษได้เช่นเดียวกัน ดังข่าวที่พบเจอกันอยู่บ่อยๆ เช่น การถูกล่อลวง การพนันทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
ในอานาคตนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญของมนุษย์ อย่างปฏิเสธไม่ได้แน่นอน มนุษย์มรการพัฒนาและแก้ไขจุดบกพร่องอยู่เรื่อยๆ จึงมำให้เทคโนโลยีสารสนเทศมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ต่อไปอาจจะมีหุ่นยนต์ประจำบ้าน หรือบ้านพกพาพับได้ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นดืทั้งกล้องดิจิตอล mp3 และยังสามารถเล่นอินเตอร์เน็ตในตัวได้ นับว่าเป็นที่น่าสนใจยิ่ง
เทคโยโลยีสารสนเทศมีประโยชน์มากมายและในทางกลับกันยังก่อให้เกิดโทษกับตัวเราได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ก่อนใช้ควรคำนึงถึงประโยชน์และความจำเป็นให้มากกว่าที่ใช้เล่นเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว

เทคโนโลยี ภัยร้ายของวัฒนธรรม

เทคโนโลยี :ภัยร้ายของวัฒนธรรม

เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความทันสมัย สิ่งอำนวยความสะดวก ความก้าวหน้าทุก ๆด้านแต่ก็นำมาซึ่งสิ่งหนึ่งนั่นคือ วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป รวมทั้งค่านิยมดั้งเดิมของสังคม วัฒนธรรมประเพณี ที่ถูกบิดเบือนหรือลดคุณค่า
ข้าพเจ้าเกิดมา ณ หมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ที่แวดล้อมไปด้วยป่าไม้ และแมกไม้นานาพันธุ์ สิ่งอำนวยความสะดวกแทบไม่มี ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีเกือบตลอดทั้งปี วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตื่นเช้ามา ได้ยินเสียงไก่ขัน เสียงนกน้อยร้อง เสียงสัตว์เลี้ยง เสียงม้า เสียงคน ดังเจี๊ยวจ๊าว.. แสงอาทิตย์ส่องผ่านยอดไม้ ดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่ง สายลมเย็น ๆ พัดผ่านมา ผู้คนมากมายต่างไปทำหน้าที่ของตนตามวิถีชีวิตในแต่ละวัน พอพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ผู้คนต่างหลั่งไหลจากเส้นทางทุกสาย มุ่งเข้ากลับหมู่บ้าน ช่างเป็นภาพที่งดงามจริง ๆ พอตกดึก มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงใบน้อย ๆ ที่ส่องสว่างอย่างรีบหรี่ พอมองเห็นทางเดินและหน้าคนแทบมองไม่รู้ ว่าใครเป็นใคร และแล้วเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ทุกบ้านต่างดับไฟ เสียงคนที่เคยคุยกัน ก็ดับไปพร้อมกับแสงตะเกียงที่ส่องสว่าง
สังคมบ้านนอก ที่อยู่สุดปลายดอย ทุกคนต่างมีน้ำใจ แบ่งปันซึ่งกันและกัน ความวุ่นวายแทบไม่มีให้เห็น ผู้คนทุกคนต่างมีรอยยิ้ม หน้าตาสดชื่น การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่มี มีแต่ความรักความอบอุ่น ไม่เคยกังวลในเรื่องการทำมาหากิน การกินการอยู่ เป็นแบบพอเพียง เงินไม่มี ก็อยู่ได้โดยอาศัยธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ข้าง ถึงเวลาเทศกาล ทุกคนต่างไปร่วมด้วยความพร้อมเพรียงกัน ไม่มีการประกาศ ไม่มีการชักชวน แต่เป็นอันที่รู้กันว่า เวลาใด คือเวลาที่จะไปรวมตัว ทำกิจกรรมด้วยกัน
และแล้วในวันหนึ่ง ก็มีรถอะไรก็ไม่รู้ ที่ใหญ่โตมากๆ ที่คอยไถถนน และรถอะไรก็ไม่รู้ ที่คอมันยาว ๆ คอยตักดินโค่นต้นไม้ทุกต้นที่มันเดินผ่าน (ตอนหลังจึงรู้ว่า มันคือรถไถและรถแบ็กโคร์) ตัดถนนลาดยางเข้ามาในหมู่บ้าน และสิ่งหนึ่งที่ตามมาก็คือเสาไฟฟ้า และแสงสว่างที่ส่องสว่างมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ณ กลางป่าแห่งนี้
และสิ่งที่ตามมาก็คือทีวี รถยนต์ และรถเครื่อง เด็ก ๆ ที่เติบโตมาในยุคของการมีถนนและไฟฟ้า ได้รับพฤติกรรมที่แปลกๆ ไม่เหมือนรุ่นที่ก่อนหน้านั้น สำหรับข้าพเจ้า ตอนสมัยเด็ก ๆ ตกเย็นมา ก็จะรวมตัวกับน้อง ๆ ไปขอให้คุณพ่อเล่านิทาน นอนฟังคุณพ่อเล่านิทานจนหลับไป พอสะดุ้งอีกทีก็เช้าแล้ว แต่เด็ก ๆ ทุกวันนี้ ตกเย็น กลับนั่งอยู่แต่ที่หน้าจอทีวี ดูละคร ได้ดูอะไรต่อมิอะไรที่เมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่เคยได้ดู
และแล้วในวันนี้ หมู่บ้านที่เคยสงบ กลับกลายมาเป็นหมู่บ้านที่คึกคักไปด้วยผู้คน และสิ่งอำนวยความสะดวก ตื่นเช้ามา ได้ยินแต่เสียงรถดังกระหึ่ม ได้ยินแต่เสียงโรงสีข้าว ได้ยินแต่เสียงเพลงดังแทบทุกบ้าน วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป และสิ่งที่ตามมาคือ พอตกกลางคืน ก็จะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง นั่นคือวัยรุ่นในหมู่บ้านนั่นเอง ที่ออกมารวมตัวกัน บิดรถไปตามถนนรอบ ๆ อยู่บ้าน ตั้งวงกินเหล้าเสียงดังโวยวายไปทั่ว ตั้งแก็งค์ทำร้ายคนที่เดินผ่านไปมา ความปลอดภัยในชีวิตของบ้านนอก แทบไม่เหลืออีกเลย
นี่แหละสิ่งที่ตามมากับเทคโนโลยี เด็ก ๆ และวัยรุ่นเหล่านี้ ได้รับเอาพฤติกรรมจากสิ่งต่าง ๆ ทั้งในทีวี และในภาพยนตร์ ที่โหดร้าย ไม่มีจริยธรรม
จากที่กล่าวมา คือสิ่งที่บอกเล่า ถึงเหตุการณ์น้อย ๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตของข้าพเจ้า ที่ได้ประสบพบเจอ ในตอนแรก ๆ ก็ไม่เข้าใจอะไรมากนักว่า มันเกิดจากอะไร และแล้วในวันหนึ่ง ก็ได้มาศึกษาหาความรู้ จึงรู้ว่า นี่แหละ เกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี แต่คุณธรรมและวัฒนธรรมของสังคม กลับถดถอย

สิรวิชญ์ ปัตติธรรม
20 ก.ย. 51

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2551

กล้อง G9




กล้อง Canon PowerShot G9

กล้องดิจิตอล Canon PowerShot G9 ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซลได้มีการเปิดตัวเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2550และในต่างประเทศ เช่นอเมริกา ยุโรป และ ออสเตรเลีย ก็เริ่มมีขายตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 เป็นต้นมา แม้ว่าในระยะเวลาใกล้ๆกัน จะมีการเปิดตัวกล้องขนาดเล็ก แบบที่เรียกว่า Point & Shoot หลายยี่ห้อแล้วก็ตาม แต่กล้อง Canon G9นี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ที่เป็นทั้งมือกล้องอาชีพและสมัครเล่น




ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซลใช้เซนเซอร์ขนาด 1/1.7" ถ่ายภาพใน RAW mode ได้เลนส์ 35-200 มม.(35 mm equivalent) F 2.8-4.8 ซูมได้ 6XISO : Auto, 80,100,200,400,800,1600Shutter Speed : 15-1/2500 secMacro Focus : ต่ำสุด 1 ซ.ม.จอ LCD ขนาด 3" ความละเอียด 230,000 พิกเซลขนาดภาพ : 4000x3000, 3264x2448, 2592x19441600x1200, 640x480, และ 4000x2248การถ่าย Movies / Video สามารถทำได้ ขนาด 106.4 x 71.9 x 42.5 มม. น้ำหนัก 320 กรัม

เป็นกล้องแบบ Point & Shoot ที่มีขนาดเล็ก แต่หนาพอควรและมีความแข็งแรง มีปุ่มต่างๆแบบกล้องรุ่นเก่าที่สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เช่นการเลือกตั้งค่า ISO การปรับค่า EV เป็นต้นนอกจากนั้น การปรับตั้งค่าต่างๆทำได้ง่ายโดยปุ่ม Menu และ Function Set
. จอ LCD มีขนาดใหญ่ 3" ชัดเจน และมองเอียงๆได้ สามารถให้แสดงเส้นแบ่ง (Grid Line) ที่เป็นไปตามกฎ Rule of the Thirds ซึ่งช่วยในการวางภาพ และรักษาระดับภาพได้ดี
การทดลองถ่ายภาพแบบมาโคร ได้ผลดี ภาพมีความชัดเจนและมีรายละเอียดดี สีสวยและหากต้องการให้สีเข้มก็อาจจใช้ Mode Vivid แทน Normal ภาพมาโครที่ถ่ายโดยใช้ Mode P ให้ Depth of Field ที่ดูดี คล้ายกับการถ่ายภาพโดยกล้อง แบบ SLR (Single Lens Reflect)
เนื่องจากเลนส์ของกล้องนี้คือ 35 - 200 มม.(เทียบกับกล้องฟิล์ม 35 มม.) ดังนั้น การถ่ายภาพ จึงได้มุมไม่กว้างนัก แต่ก็พอใช้ได้ หากต้องการภาพมุมกว้างขึ้นก็มีเลนส์มุมกว้างที่นำมาใช้ต่อกับกล้องนี้ได้โดยต้องมี Adapter ด้วย ซึ่งใครสนใจ ก็จะต้องหาซื้อต่างหาก(ในสหรัฐอเมริกา ราคาทั้งชุด 175 เหรียญ) แต่เลนส์มุมกว้าง WC-DC58B มีขนาดใหญ่มาก เมื่อเทียบกับตัวกล้อง แต่คุณภาพดี
แฟลชที่ติดมากับกล้องนั้น ใช้งานได้ดีพอควร แต่ถ้าต้องการไฟแฟลชที่แรงขึ้น หรือถ้าใช้เลนส์มุมกว้าง ก็ควรจะต้องใช้แฟลชติดภายนอก และรุ่นที่เล็กๆของแคนนอน คือรุ่น 220EX Speedlite
การใช้กล้องนี้ถ่ายวิดีโอนั้น ตั้งความละเอียดได้ 3แบบ คือแบบ Hi-Resolution (1024x768 pixels)แบบ Standard (640x480 และ 320x240) และแบบCompact (160x120) จากการทดลองถ่ายโดยใช้ 640x480 pixels และ 30 fps ได้ผลดีพอสมควรและซูมภาพได้ด้วย โดยการซูมนั้นเป็นแบบ DigitalZoom ซึ่งถ้าซูมมากๆภาพจะมีคุณภาพด้อยลง และที่ 1024x768 pixels นั้น ซูมภาพเข้า - ออก ไม่ได้




หมายเหตุ :

กล้อง Canon G9 เป็นกล้องที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดเล็ก ถ้าใช้งานทั่วไป แค่ตัวกล้องก็เพียงพอ พกไปได้สะดวก แต่ถ้าอยากจะลองเล่นให้ลึกลงไปอีก ก็ควรจะต้องมีเลนส์มุมกว้างพร้อมอะแดปเตอร์ และเพิ่มแฟลชให้ครบไปเลย มองดูเหมือนกล้อง SLR สมัยก่อนที่มีขนาดเล็กแต่มองดูน่าเลื่อมใสดี สำหรับการซูมภาพนั้น G9 ซูมได้ 6X ซึ่งเทียบเท่า 200 มม. เมื่อเทียบกับกล้องฟิล์ม 35 มม.สมัยก่อน ซึ่งโดยทั่วๆไปก็นับว่าเพียงพอ แต่ถ้าต้องการซูมมากเข้ามาอีก ก็ทำได้โดยเป็นการซูมภาพแบบ Digital Zoom ซึ่งได้ทดลองดู โดยเทียบกับเลนส์ซูม 12X (จากกล้องอื่น เป็นของเก่าๆ) ผลก็คือ Digital Zoom ก็พอใช้ได้ ถ้าไม่เอาคุณภาพสูงมากนัก

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

เลือกเครื่องพิมพ์ตามความจำเป็น !!!



เครื่องพิมพ์ (Printer) คือ อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่พิมพ์แฟ้มดิจิทอล (Soft Copy) ออกมาเป็นเอกสารในรูปกระดาษ (Hard Copy) แฟ้มดิจิทอลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์อาจเป็นภาพ ตัวอักษร และมีสีที่แตกต่างกัน เครื่องพิมพ์ที่น่าใช้มีให้เลือกมากมายด้วยคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นกว่าในอดีตที่ใช้เพื่องานพิมพ์เท่านั้น เช่น คัดลอกเอกสารหรือเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร แปลงข้อมูลจากเอกสารเป็นแฟ้มดิจิทอล พิมพ์เอกสารจากแฟ้มดิจิทอล เป็นเครื่องโทรสาร และโทรศัพท์ในเครื่องเดียวกัน เครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันมี 4 รุ่นคือ ด็อทเมทริกซ์ (Dotmatrix) อิงค์เจ็ท (Inkjet) เลเซอร์ (Laser) โซลิดอิงค์ (Solid Ink) สำหรับรุ่นที่มียอดขายสูงสุดคือ อิงค์เจ็ท ส่วนเครื่องพิมพ์เลเซอร์เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ หรือต้องการคุณภาพของงานพิมพ์สูง


หมึกพิมพ์ของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทใช้น้ำหมึก เมื่อเปิดฝาครอบเครื่องพิมพ์จะพบตลับหมึกที่เป็นน้ำ สำหรับการพิมพ์ลงกระดาษใช้วิธีฉีดหยดหมึกบนตำแหน่งที่ต้องการ การเติมน้ำหมึกทำได้ง่ายโดยซื้ออุปกรณ์ไปทำเองที่บ้าน มีบริการเติมน้ำหมึกฟรีในงานไอทีแฟร์ หรือนิทรรศการด้านไอทีอยู่บ่อยครั้ง หมึกของเครื่องพิมพ์ด็อทเมทริกซ์ มีลักษณะเป็นแถบผ้าริบบิ้น เมื่อหมึกหมดจะต้องเปลี่ยนแถบริบบิ้นใหม่ เครื่องพิมพ์แบบนี้นิยมใช้กับเอกสารสีเดียว การพิมพ์ถูกกระทำโดยใช้เข็มตอกไปบนแถบผ้าริบบิ้นจนไปกระทบกระดาษให้เกิดรอยตามต้องการ ดังที่เราทราบว่าเส้นสายลายภาพ หรืออักษรล้วนเกิดจากองค์ประกอบของจุดเล็กมากมายมารวมกัน
เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทราคาลดลงมาก บางรุ่นราคาไม่ถึง 3,000 บาท แต่อาจมีปัญหากวนใจตามมา เช่น ราคาหมึกสูงเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเครื่องพิมพ์ ถ้าปล่อยเครื่องทิ้งไว้ไม่ใช้อย่างสม่ำเสมออาจพบปัญหาหัวฉีดหมึกตัน และไม่คุ้มที่จะซ่อม กระดาษที่ใช้พิมพ์ภาพถ่ายต้องเป็นกระดาษพิเศษที่มีราคาสูง และอาจได้คุณภาพของภาพด้อยกว่าที่อัดจากร้านรับอัดรูปดิจิทอล (Digital Studio) เป็นต้น

เครื่องพิมพ์ด็อทเมทริกซ์มีหัวพิมพ์เป็นเข็ม เหมาะกับงานพิมพ์บางลักษณะที่ต้องการแรงตอกของเข็มไปลงบนกระดาษคาร์บอน (Carbon Paper) เพื่อให้การพิมพ์ครั้งเดียวได้สำเนาเอกสารหลายแผ่น และมีเดือยที่ใช้กับกระดาษต่อเนื่อง (Continuous Paper) สามารถพบเครื่องพิมพ์แบบนี้ได้ในธนาคาร สถาบันการศึกษา ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น หมึกที่ใช้มักเป็นแถบผ้าริบบิ้นที่ใช้ได้นานแม้หมึกจะจางไปบ้างก็ยังใช้ได้ ต่างกับหมึกของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท และเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ถ้าหมึกจางลงแล้ว
สิ่งที่สำคัญข้อแรกในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้ตามบ้าน มิใช่การเลือกรุ่นแต่เป็นการพิจารณาความคุ้มค่าในการมีใช้ที่บ้าน เพราะผู้คนมากมายรู้ว่ามีคอมพิวเตอร์ที่บ้านเพื่อเป้าหมายใด ต่างกับการมีเครื่องพิมพ์ที่มักได้มาในฐานะของแถม หรือเห่อตามแฟชั่น โดยปกติกลุ่มพนักงานองค์กรที่นำงานมาทำที่บ้านมักนำแฟ้มกลับไปพิมพ์ที่สำนักงาน และใช้เครื่องพิมพ์ของส่วนกลางร่วมกับเพื่อนร่วมงาน บางสำนักงานมีเครื่องพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพเพียงเครื่องเดียว แต่แบ่งกันใช้ทั้งสำนักงาน และได้รับการดูแลให้ใช้งานอย่างคุ้มค่า ผู้ใช้ตามบ้านบางท่านมีเครื่องพิมพ์เหมือนมีเฟอร์นิเจอร์ ตั้งทิ้งไว้ หรือใช้ไม่บ่อย เพราะไม่มีอาชีพเป็นนักเขียน ไม่เปิดร้านรับอัดรูป ไม่จ้างรับส่งแฟ็กซ์ ไม่รับพิมพ์งาน และไม่อนุญาตให้เพื่อนมาใช้ เป็นต้น ถ้าคิดจะซื้อเครื่องพิมพ์เครื่องใหม่ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจ ว่าซื้อมาแล้วจะใช้อย่างคุ้มค่าหรือไม่

Digital Dictionary


สืบเนื่องจากฉันเรียน คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ เทคโนโลยีที่ใกล้ตัวและมีความจำเป้นต่อชีวิตประจำวันของฉันเป็นอย่างมากคือ Digital Dictionary ดังนั้นฉันจึงอยากจะกล่าวถึงคุณสมบัติต่างๆที่มีอยู่ใน Digital Dictionary ดังต่อไปนี้



1.พจนานุกรมอังกฤษ - ไทย ของ Talking-Dict เป็นการรวบรวมคำศัพท์จากพจนานุกรมต่างประเทศหลายเล่ม ได้แก่ Oxford, Collins, Longman และ Webster โดยได้รับเกียรติการแปลจากคณาจารย์ศูนย์การแปลและการล่ามเฉลิมพระเกียรติ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ซึ่งทำงานเป็นคณะไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ทั่วไป, คำศัพท์ที่ใช้งานบ่อย, คำที่มักใช้สับสน,คำศัพท์เฉพาะด้าน, รวมถึงไวยากรณ์การใช้ จะถูกบรรจุไว้อย่างครบถ้วน



2. พจนานุกรมไทย - อังกฤษ ภายใน Talking-Dict ยังรวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากพจนานุกรมต่างๆมากมาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยพิมพ์อักษรภาษาไทยลงไป

3. นอกจากจะสามารถหาคำศัพท์และความหมายต่างๆภายใร Talking-Dict คุณสมบัติที่เครื่องต่างๆสามารถทำงานได้ คือ การออกเสียงคำ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถออกเสียงและสะกดคำได้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น


4. Talking-Dict ในรุ่นใหม่ๆ จะมีคุณสมบัติในการฟังMp3, ดูหนัง และ การแสดงผลทางหน้าจอยังคงเป็นภาพสี

5. โปรแกรมเสริมอื่นๆนอกจากนี้ที่ฉันยังคงใช้งานเป็นประจำ คือ Games ภายในเครื่องมีเกมส์ต่างๆมากมายให้ผ่อนคลายสมอง

คุณสมบัติต่างๆที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มีอยู่ใน Digital Dictionary และฉันได้ใช้งานอยู่เป็นประจำ แทบจะกล่าวว่าทุกวันก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่า Talking-Dict เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ให้คุณประโยชน์แก่ผู้ใช้เป้นอย่างมาเลยทีเดียว




วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

Power brush Vs Me


ในทุกๆวัน คนเราต้องแปรงฟันกันวันละ2ครั้งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าฉันจะกล่าวถึงแปรงสีฟันก็คงจะเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน แต่ครอบครัวของฉันนั้นใช้แปรงสีฟันไฟฟ้ากันทั้งครอบครัว เนื่องจากแม่ของฉันได้เคยอ่านหนังสือพบว่ามีแปรงสีฟันที่ใช้ไฟฟ้าในการแปรง ก็เกิดความสนใจขึ้นแต่ด้วยเมื่อสมัยก่อนนั้นปรงสีฟันแบบนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักจึงมีราคาแพงพอมควร แต่แล้วแม่ก็ไปลองซื้อมาใช้ หลังจากใช้แล้วก็พบว่าให้ผลดีมาก แม่จึงจัดการให้เรางครอบครัวใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า การใช้แปรงฟันไฟฟ้านั้นไม่ได้หมายความว่าคนใช้ขี้เกียจแปรงเอง หรือขี้เกียจขยับมือ แต่แปรงฟันไฟฟ้าให้ผลที่แปรงฟันธรรมดาให้ไม่ได้ ตอนแรกๆนั้นฉันไม่ค่อยจะชอบใจซักเท่าไหร่ เพราะในการแปรงแต่ละทีจะต้องแปรงประมาน 3 นาทีต่อการแปรงหนึ่งครั้ง ดังนั้นฉันก็จะไม่ค่อยรอให้มันครบตามกำหนดเวลาซักเท่าไหร่ ก็จะกดปิดก่อนเสมอ แต่เมื่อนานๆไป แม่ก็ทราบว่าฉันไม่แปรงตามเวลาที่กำหนด แม่ก็เตือนว่าให้แปรงให้ครบ แล้วสุขภาพเหงือกและฟันของเราก็จะดี ฉันก็เชื่อแม่และทำตามนั้นตลอดมา การใช้แปรงฟันไฟฟ้านั้น สามารถกำจัดคราบต่างๆ และทำความสะอาดฟันได้ดีกว่าแปรงฟันแบบธรรมดา จากประสบการณ์ตรงเมื่อฉันใช้มาเป็นเวลามากกว่า5ปีแล้ว และก็ยังมีนักวิจัยออกมาเปิดเผยว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถขจัดคราบหินปูนและช่วยความเสี่ยงการเป็นโรคเหงือกอักเสบได้ดีกว่าแปรงฟันธรรมดา และถ้ายิ่งใช้นานก็จะยิ่งเห็นผลมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะหัวแปรงกลมที่สั่นและหมุนได้รอบช่วยขจัดคราบหินปูนและป้องกันโรคเหงือกอักเสบได้ดีกว่าหัวแปรงธรรมดา ไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือระยะยาว และสมาคมทันตกรรมยังแนะนำว่า ควรใช้แปรงสีฟันหัวเล็ก เพราะมันจะเข้าถึงทุกส่วนในช่องปากได้ดีกว่าและเข้าไปในซอกมุมที่จะมีเศษอาหารและคราบหินปูนเกาะ นอกจากนี้การแปรงในลักษณะวนไปมาเป็นวงกลมเป็นการแปรงฟันที่ดีที่สุด นี่คงะเป็นข้อยืนยันได้ว่าการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้านั้นมีประสิทธิภาพและให้ผลดีต่อสุขภาพเหงือกและฟันของผู้ใช้จริง และตัวฉันก็จำไม่ได้แล้วว่าไปขูดหินปูนครั้งล่าสุดนั้นมันนานมากแค่ไหนแล้ว

Mobile phone Vs Me


โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นอุปกรณ์สื่อสารอิเลคทรอนิคส์ลักษณะเดียวกับโทรศัพท์บ้านแต่ไม่ต้องการสายโทรศัพท์จึงทำให้สามารถพกพาไปที่ต่างๆได้ โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่นๆ


โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนอกจากจะมีคุณสมบัติในการสื่อสารทางเสียงแล้วยังมีความสามารถอื่นอีกเช่นสนับสนุนการสื่อสารด้วยข้อความ เช่น SMS,การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต, การสื่อสารด้วยแบบ Multimedia เช่น MMS, นาฬิกา, นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา, ปฏิทิน, ตารางนัดหมาย, สเปรดชีต, โปรแกรมประมวลผลคำ, รวมไปถึงความสามารถในการรองรับแอปพลิเคชันของจาวาเช่น เกมส์ต่างๆได้ (วิกิพีเดีย)


เช่นเดียวกับความหมายข้างต้นเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีคุณสมบัติมากมายซึ่งล้วนแต่อำนวยความสะดวกให้มนุษย์ทั้งสิ้น ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่มีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในยุคสมัยนี้ทุกคนก็คงจะทราบดีว่า มือถือมีความจำเป็นจนจะกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มนุษยืทุกคนจะต้องครอบครองก็เป็นได้ เมื่อสมัยฉันมีมือถือเป็นของตนเองก็เมื่อเรียนอยู่ชั้นม.4 ซึ่งถ้าจะเปรียบกับสมัยปัจจุบันก็คงจะถือว่าเชยมาก เพราะวัยรุ่นสมัยนี้มีมือถือเป็นของตนเองก็ตั้งแต่ชั้นประถมกันแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันก็เริ่มรู้สึกถึงความสำคัญของมือถือกับชีวิตของฉันมากขึ้น ฉันใช้มือถือในการพูดคุยติดต่อสื่อสารกับผู้คนหรือจะเป็นเพียงการส่งข้อความเท่านั้นในระยะแรก แต่เมื่อมาถึงในสมัยปัจจุบัน ได้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆรวมเข้ากับเครื่องมือถือ จึงทำให้เดี๋ยวนี้มือถือไม่ได้เป็นเพียงโทรศัพท์ธรรมดาๆ หากะเป็นกล้องถ่ายรูป เครื่องเล่นเพลง หรือแม้กระทั่งมีไว้เล่นเกมส์ก็ตาม สำหรับฉันก็เช่นเดียวกัน เดี๋ยวนี้ฉันถือว่ามืถือเป็นสิ่งจำเป็นมากทั้งในด้านการติดต่อสื่อสารและด้านการอำนวยความสะดวกหรือแม้กระทั่งการให้ความบันเทิง ฉันใช้มือถือฟังเพลง ในเวลาที่ไม่สามารถใช้งานเครื่องเล่นเพลงอื่นๆได้ นอกจากนี้ฉันก็ใช้มือถือในการถ่ายรูปเก็บภาพเหตุการณ์และความประทับใจต่างๆไว้ เพื่อเก็บไว้ดูในเวลาต่อไป ซึ่งฉันก็คิดว่าคนอื่นๆก็คงจะใช้มือถือถ่ายรูปเช่นกัน ในการทำงานหรือการเรียนมือถือก็มีประโยชน์กับฉันมาก เพราะเมื่อเวลาที่ฉันลืมเอาTalking Dict.มา ฉันก็สามารถเปิดหาคำศัพท์จากในมือถือได้ ส่วนในด้านวามบันเทิงอื่นๆ เช่น การเล่นเกมส์ หรือแม้จะเป็นการเล่นอินเทอร์เน็ต ฉันก็สามารถเล่นบนมือถือได้อย่างง่ายดาย

แต่อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าการใช้โทรศัพท์มือถือนั้นผู้ใช้ควรรู้ขีดจำกัดในการคุยอย่างต่อเนื่อง เพราะจากข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับโรคที่เกิดจากการคุยโทรศัพท์นานนั้น โรคที่ตามมานั้นก็คงเป็นสื่งที่ทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเองหรือคนใกล้ตัวแน่นอน ดังนั้นทางที่ดีควรใช้อย่างพอดีและเหมาะสมแก่โอกาสนั้นๆ











เทคโนโลยีกับภาวะโลกร้อน!!!!!!!!!!!!




ถ้าคุณได้มีโอกาสเสนอความเห็นของคุณเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ได้ คุณคิดว่าจะนำเสนอเรื่องอะไรดี ผ่านทางช่องทางเทคโนโลยีไร้สายอย่างเช่นเว็ปบล็อกที่ผมใช้อยู่นี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะนำเสนอบทความที่ส่งผ่านมาจากความคิดของคุณให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งโลก สำหรับผมแล้ว เรื่องที่ผมอยากเสนอมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือประเด็นปัญหาโลกร้อนครับ ทำไมผมถึงอยากเสนอเรื่องโลกร้อนให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ก็เพราะผมคิดว่าบล็อคของกลุ่มเรานั้นนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีล้วนๆ โดยส่วนใหญ่นั้นยกเอาความมหัศจรรย์ คุณสมบัติของเครื่องใช้ที่ทันสมัยนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา มือถือ หุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ เป็นต้น มานำเสนอ ผมเพียงแค่อยากนำเสนอเรื่องที่แตกต่าง แน่นอนว่าเรื่องที่ผมยกมานี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ สำคัญและจำเป็นไม่น้อยกับชีวิตประจำที่เราสมควรจะต้องรับรู้ไว้เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี เพราะภาวะโลกร้อนนั้น ถ้ากล่าวกันตามจริงก็เป็นปัญหาที่เกิดจากเทคโนโลยีซะเป็นส่วนใหญ่


เอาล่ะครับ ถึงตอนนี้เราก็มารู้จักกับคำว่าภาวะโลกร้อนกันให้ดีขึ้นดีกว่านะครับ "ภาวะโลกร้อน หรือGlobal Warming"นั้น หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง(Climate change) ซึ่งภาวะโลกร้อนนั้นจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝนและระดับน้ำทะเล และมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อคน พืช และสัตว์ ซึ่งสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดนั้นก็มีที่มาจากมนุษย์เรานี่แหละครับ กิจกรรมหลายๆอย่างของมนุษย์ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นเช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การตัดไม้ทำลายป่า เพื่อนๆรู้มั้ยครับว่าผลกระทบที่จะเกิดนั้นรุนแรงแค่ไหน และตอนนี้มันก็เริ่มเกิดขึ้นกับโลกของเราแล้วด้วยล่ะครับ ที่เห็นได้ชัดๆเลยก็คือความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้น อุณหภูมิที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ บางทีความรุนแนงของผลที่จะเกิดอาจจะมีมากกว่านี้หลายเท่า ถ้าหากพวกเรายังปล่อยปละละเลยไม่สนใจ ทั้งที่เราเองก็สามารถที่จะหยุดมันไว้แค่นี้ได้นะครับ เพียงแค่เราลองหันมาใช้พลังงานทดแทน ประหยัดน้ำไฟ ใช้เท่าที่จำเป็น รักษาป่าที่มีอยู่ให้คงอยู่ต่อไปและร่วมกันปลูกใหม่ขึ้นมาทดแทน ใช้ก๊าซธรรมชาติแทนถ่านหินและน้ำมัน (เป็นไปได้ก็เปลี่ยนมาใช้จักรยานเลยดีกว่า)เพียงง่ายๆเท่านี้ล่ะครับ พวกเราก็สามารถที่จะช่วยร่วมลดปัญหาโลกร้อนลงได้แล้ว ก่อนที่อะไรๆจะสายไป เริ่มวันนี้ก็ยังไม่ช้าเกินไปนะครับ ก่อนที่จะไม่มีโลกที่ร่มเย็นให้เราอยู่กัน

GPS คืออะไร???











สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับรุ่นน้องที่รู้จักกันคนนึง ซึ่งน้องคนนี้เรียนอยู่ภาควิชาภูมิศาสตร์ ผมได้ถามน้องเค้าว่าเรียนอะไรมา น้องเค้าบอกว่าเรียนGPSกับRemote Sensingมา ด้วยความสงสัยในคำว่าGPSผมเลยถามน้องเค้าว่ามันคืออะไร เพื่อนๆหลายคนก็อาจจะสงสัยเหมือนผมก็ได้ วันนี้ผมเลยจะพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับไอ้เจ้าGPSนี่กัน มันคงจะทำให้เพื่อนๆทึ่งได้ไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะครับ




GPS (Global Positioning System) เป็นระบบเดียวในปัจจุบัน ที่สามารถ แสดงตำแหน่งที่อยู่ ที่แน่นอนว่าอยู่ ณ. ตำแหน่งใด บนพื้นโลกได้ทุกเวลา ทุกสภาพอากาศ ระบบนี้มีดาวเทียม 24 ดวง หมุนอยู่รอบโลก อยู่สูงขึ้นไปประมาณ 20,200กิโลเมตรจากพื้นโลก ดาวเทียมเหล่านี้จะคอยส่งสัญญาณให้กับเครื่องลูกข่าย เพื่อบอกพิกัด ตำแหน่ง บนผิวโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในช่วงแรกการใช้งานนั้น GPS จะถูกจำกัดอยู่ในทางการทหาร แต่ต่อมาทางสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้สร้างและดูแลเครือข่ายดาวเทียมเหล่านี้ได้มีการให้ใช้งานในวงกว้างขึ้น เช่น ใช้ในระบบการขนส่ง การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ การทำแผนที่ และในปัจจุบันในวงการท่องเที่ยวก็มีการนำ GPS มาใช้ในการเดินป่าอีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้น มือถือบางรุ่นบางยี่ห้อก็นำเอาไอ้เจ้าเทคโนโลยีGPSตัวนี้มาใส่ไว้เพื่อดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งความถูกต้องแม่นยำของตำแหน่งก็ขึ้นกับจำนวนดาวเทียมที่สามารถรับสัญญาณได้ในขณะนั้นและก็ขึ้นกับเครื่อง GPS ด้วย หากเป็นเครื่องที่มีราคาแพง (ซึ่งมักใช้เฉพาะงาน) ก็จะมีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้นข้อมูลตำแหน่งที่ได้มานั้น ยังสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมในเครื่อง GPS เพื่อบอกจุดบนแผนที่ และแสดงตำแหน่งของเราว่าอยู่จุดใดของแผนที่ได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นกับข้อมูลแผนที่ที่ติดมากับเครื่องด้วยว่ามีความแม่นยำเพียงใด โดยแผนที่พื้นฐานจะไม่ได้ติดตั้งมากับเครื่อง GPS ทุกรุ่น ซึ่งอาจจะต้องซื้อแยกจากตัวเครื่อง




เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักกันไปแล้วโดยพื้นฐานนะครับกับเจ้า GPS ซึ่งในปัจจุบันของประเทศเราที่ได้นำเอามาใช้ก็เช่นนักภูมิศาสตร์ และที่เห็นได้ง่ายมากๆคือ taxi ในกรุงเทพครับ และนักวางแผนระบบเครือข่ายต่าง ๆ ก็ต้องใช้ในงานวางอุปกรณ์ใหญ่ ๆ เพื่อให้บริการลูกค้าครับ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายมือถือ เครือข่ายไฮสปีดอินเตอร์เน็ต แล้วก็ลูกค้าบางกลุ่มที่ทีใจรักในการเดินป่า การท่องเที่ยว ทีนี้เราก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้วล่ะครับ เพราะถ้าเรามีเจ้าเครื่องGPSนี่ติดตัวไว้ด้วย ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่เราก็สามารถรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเราได้เสมอ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ราคาของเจ้าเครื่องGPSนี่สิครับ ถ้าระดับที่ใช้กันในทางภูมิศาสตร์หรือหน่วยงานแล้ว ราคาหลักหมื่นถึงหลักล้านครับผม แต่ตอนนี้มือถือบางรุ่นที่นำเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้มาใส่ ราคาตกอยู่ที่ประมาณ5000-15000ครับ สำหรับใครที่สนใจจริงๆก็สามารถหามาไว้ใช้ซักเครื่อง บางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับเรามากเลยทีเดียวก็ได้




เอาล่ะครับ ทำความรู้จักันไปพอหอมปากหอมคอ คงจะเป็นประโยชน์บ้างล่ะน่า ไว้วันหน้าผมมีอะไรดีๆน่าสนใจจะนำมาเสนอให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกนะครับ ใกล้ๆสอบอย่างนี้เริ่มอ่านหนังสือกันได้แล้วนะครับเพื่อนๆ




โชคดี เกรดAครับ




เมาส์ที่อาจไม่เรียกว่าเมาส์อีกต่อไป



เม้าส์คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์มานานเกือบ 40 ปี แต่ล่าสุด บริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ คาดว่า เม้าส์คอมพิวเตอร์อาจถูกเลิกใช้ในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีสั่งการเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างหลากหลายมากขึ้น อาจใช้วิธีจิ้มนิ้วไปที่หน้าจอ หรือ ใช้วิธีจดจำใบหน้าผู้ใช้งาน
นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ มองว่า เม้าส์คอมพิวเตอร์อาจใช้ได้ดีกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ แต่ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์เพื่อให้ความบันเทิงในบ้าน หรือคอมพิวเตอร์แบบพกพา การกดปุ่มคำสั่งโดยใช้วิธีลากเม้าส์จะหมดความหมายไปในทันที
หลายบริษัทกำลังปรับปรุงรูปแบบการใช้คอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องมีสายเม้าส์มาคอยควบคุมให้ยุ่งยาก เช่น บริษัทไมโครซอฟท์ ที่พัฒนาคอมพิวเตอร์แบบจอสัมผัส หรือ ทัช สกรีน เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าจอ ก็สามารถควบคุมการใช้งานของเครื่องได้แล้ว คอมพิวเตอร์บางเครื่อง แค่ให้ผู้ใช้งานครอบอุปกรณ์บางอย่างบนศีรษะ แล้วใช้วิธีสั่งเครื่องโดยการคิด
นอกจากเม้าส์คอมพิวเตอร์แล้ว อุปกรณ์รีโมทคอนโทรล ก็มีแนวโน้มจะใช้งานน้อยลงเช่นกัน เพราะล่าสุด พานาโซนิก ได้พัฒนาโทรทัศน์ให้จดจำใบหน้าของผู้ใช้งานเอาไว้ เมื่อต้องการเปิดโทรทัศน์ ก็แค่ไปยืนหน้าจอ จากนั้น จะมีเมนูช่องต่างๆ ผุดขึ้นมาให้เลือก ผู้ใช้งานเพียงแค่ขยับมือ โทรทัศน์ก็จะเปลี่ยนช่องให้ตามที่เลือกไว้ ส่วนโซนี่ และแคนนอน ก็กำลังพัฒนากล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหว และกล้องถ่ายรูป ให้ใช้วิธีจดจำใบหน้าผู้คนให้ได้เช่นกัน บางรุ่นตั้งโปรแกรมจะถ่ายภาพเฉพาะคนยิ้มเท่านั้น ถ้าไปเจอคนกำลังยิ้ม กล้องก็จะถ่ายภาพเองโดยอัตโนมัติ
เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยุดนิ่ง พัฒนาตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง และในสังคมมนุษย์เองการเข้าถึงเทคโนโลยีซึ่งเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งมีความไม่เท่าเทียมกัน ดูเหมือนยิ่งพัฒนาเท่าไหร่ช่องว่างของความเหลื่อมล้ำจะยิ่งกว้างขึ้น ตัวอย่างเช่น เรื่องของเมาส์ที่นำเสนอข้างต้น ในประเทศที่พัฒนาแล้วอาจจะเลิกใช้จริงในเวลาไม่ช้านี้ เพราะตกรุ่น ขณะที่บ้านเราหรือประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศยังมีใช้ไม่ทั่วถึง

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ศูนย์กลางธารน้ำใจบนโลก IT


มูลนิธิกระจกเงา ในความคิดของผมนั้น เปรียบเสมือนชมรมอาสาพัฒนาของประเทศไทยเลยทีเดียวการเกิดขึ้นของเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ และหาแนวร่วมในการร่วมกันพัฒนาสังคม เหมือนที่เป็นเป้าหมายของชมรมอาสาโดยทั่วไปแต่มูลนิธิกระจกเงา ก็เป็นสื่อกลางในการสะท้อนให้สังคมได้เห็นเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ที่ยังรอผู้คนเข้าไปสัมผัส รับรู้
จากการเป็นสื่อสะท้อนเรื่องราว พัฒนาเติบใหญ่ขึ้นเป็นแหล่งข้อมูล เป็นสถานที่ให้คำแนะนำในการที่จะให้ข้อมูลกับกลุ่มคนที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ซึ่งตัวผมเองก็ได้ใช้ข้อมูลจากการที่ได้เข้าไปชมเว็บไซต์ของมูลนิธิกระจกเงา เป็นแนวทางในการทำงานกับชมรมอาสา จากคำแนะนำของสมาชิก และของบุคคลอื่นที่เป็นเหมือนกระจกเงาสะท้อนให้เราเห็นถึงอีกด้านของสังคมที่รอเราอยู่
ธารน้ำใจแห่งความช่วยเหลือ ผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ย่อมเกิดเป็นพลังแห่งความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่..
"..เราเป็นกลุ่มคนที่มีหัวใจอาสาสมัคร หัวใจของหนุ่มสาวที่อยากเห็นสังคมที่งดงาม เราแสวงหาความหมายการมีชีวิตอย่างมีคุณค่า เราเชื่อว่าการทำงานเพื่อสังคมไม่ใช่ความฝันแต่เป็นการทำงานบนโลกแห่งความเป็นจริงขอเพียงเรากล้าคิด และลงมือปฏิบัติ...สิ่งที่เราทำ เราทำงานอยู่ในภาคเมืองและชนบท เราปรากฏตัวเป็นเงาของปัญหาสังคมเราเป็นกระจกเงาสะท้อนเรื่องราวความเป็นจริงที่คนบางกลุ่มอาจมองไม่เห็น เราขออาสาสะท้อนเรื่องราวเหล่านั้น...."
สมบัติ บุญงามอนงค์
ประธานมูลนิธิ

Walkman ที่เป็นมากกว่าเครื่องเล่น MP3!!!



ภายใต้โลโก้ Walkman ของโซนี่ ที่ได้กระชากความสนใจของวัยรุ่นเมื่อหลายปีก่อน จนเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า วันรุ่นหลายคนต่างอยากที่จะเป็นสาวกของอารยธรรมWalkman ซึ่งในปัจจุบัน อารยธรรมiPod ก็ได้เข้าครอบงำวัยรุ่น โดยที่แทบจะล้มล้างอารยธรรมWalkman กันเลยทีเดียว
ซึ่งโดยส่วนตัวของผมแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า เป็นหนึ่งในสาวกของอารยธรรม Walkman ตั้งแต่เริ่มเล่นดนตรีเมื่อตอนมัธยมต้น ตั้งแต่เครื่องเล่นเทป ,เครื่องเล่น CD มาจนถึงเครื่องเล่น MP3 เพื่อใช้ในการฟังเพลง หรือเรียกอีกอย่างเพื่อเพิ่มอรรถรสคือ การเสพเพลง
เมื่อ iPod ปรากฏกายขึ้น ก็ย่อมเกิดอาการนอกใจขึ้นบ้าง โดยเกิดอาการถวิลหา ด้วยรูปลักษณ์ที่ผอม เพรียว ขาวสวย ของ iPod (รุ่นหลังๆ ที่ไม่ใช่ iPod รุ่นแรกๆ) จึงแทบที่จะทิ้งWalkman อันเดิมที่ใหญ่เทอะทะ !!!!
แต่เมื่อได้หยิบยืม iPod จากเพื่อนๆ มาลองฟังเพลงดูแล้ว ในแง่ความสะดวก สบาย ความทันสมัย ลูกเล่น การทำงานของ iPod นั้น ให้คะแนนเต็มเลยแต่ด้วยความไม่คุ้นเคยกับเสียงที่ขับมาจากตัว iPod ก็เลยกลับมาตายรังที่ เจ้า Walkman ค่าย Sony เหมือนเดิม
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสครอบครอง เจ้าเครื่องเล่นใหม่ของ Sony คือ Walkman ที่พัฒนาจากเครื่องเล่น MP3 เป็น Media Player คือสามารถเล่น MP3 Video แสดงรูปภาพ ....ซึ่งเรียกได้ว่าเลียนแบบ iPod มาเป๊ะๆ
แต่ก็อย่างที่บอก ผมหลงใหลในพลังเสียงของ Sony มากกว่า iPod เจ้า Walkman เครื่องใหม่นี้จึงกลายมาเป็นของติดตัวผมไปในทุกที่ ใช้ฟังเพลง แกะเพลงเพื่อเล่นดนตรี.....แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันทุกเวลา..


ทั้งนี้ก็ไม่ได้เชียร์ว่า Sony ดีกว่า iPod เพราะมันขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนมากกว่า
เพราะยังไงแล้ว เจ้าเครื่องเล่นเหล่านี้ ก็อยู่เป็นเพื่อนเราทุกเวลา ตราบที่แบตมันยังไม่หมด!!


เข้าไปดูหน้าตา ความสามารถ กันได้นะครับ ราคาก็ 5000 กว่านิดๆ อีกรุ่นก็มี Bluetooth ด้วย (ไม่รู้จะมีทำไม?)

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

MYSPACE.COM World of Music!!!!




หัวข้อนี้ จะมาเสนอเว็บที่เป็นเหมือนศูนย์กลางคลังดนตรีโลก ที่ไม่จำกัดค่ายใดๆmyspace นั้นเป็นเสมือนทางออกของกลุ่มคนทำดนตรีที่ต้องการสื่อกลางในการเผยแพร่งานดนตรีของตนและสร้างสังคมของคนดนตรี แฟนเพลง หรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการเสพดนตรีที่ไม่จำกัดค่าย

ในตอนแรกที่ได้พบกับ myspace ในเว็บไซต์เกี่ยวกับดนตรี ก็คิดว่าคงเป็นเว็บไซต์ที่เหมือน Blog ของวงดนตรีนั้นๆแต่พอได้เข้าไปดู ก็พบว่า นี่คือแหล่งการเสพดนตรีชั้นดี เราสามารถเข้าไปฟังเพลงจากวงดนตรีต่างๆมากมาย บางวงมีแฟนเพลง ผู้ชื่นชอบเข้ามาฟังเพลงของพวกเขาเป็นหมื่นๆครั้ง เราสามารถพูดคุยหรือให้กำลังใจ ติชมกับเจ้าของผลงานรับทราบถึงข่าวสารการได้โดยผ่านเว็บไซต์

วงดนตรีที่โด่งดังมากมาย ก็มีบางวงที่แจ้งเกิดจาก Myspace.com ดังเช่นวง OneRepublic เจ้าของบทเพลง Apologize ซึ่งเพลงของพวกเขาใน myspace โด่งดังมาก จนเข้าตาบริษัทใหญ่ได้ออก CD จนโด่งดังไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม myspace.com ก็ได้เป็นช่องทางที่สามารถสร้างการละเมิดลิขสิทธิ์ทางบทเพลงได้ จากการโหลดเพลง ,copyเพลง หรือนำเพลงของพวกเขาไปจัดจำหน่าย ซึ่งกรณีเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมีมโนสำนึกต่อการเสพดนตรีมากเท่าไหร่
http://www.myspace.com/onerepublic เข้าไปชมกันได้นะครับ
http://www.myspace.com/electricneonlamp อันนี้วงของเพื่อนๆครับ

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

iPod Vs me



ฉันมีไอพอดเครื่องหนึ่ง เป็นรุ่นนาโน รุ่นก่อนปัจจุบัน ฉันใช้งานไอพอดบ่อยพอสมควร ดังนั้นจึงจะกล่าวถึงไอพอดในชีวิตประจำวันของฉัน ไอพอด คือเครื่องฟังเพลงพกพาของบริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ ส่วนมากไอพอดทุกรุ่นใช้ฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูล ยกเว้นรุ่นไอพอดชัฟเฟิล และไอพอดนาโนที่ใช้หน่วยความจำแบบแฟลช ไอพอดสามารถเก็บข้อมูลสำหรับแลกเปลี่ยนระหว่างคอมพิวเตอร์ได้ ไอพอดรุ่นแรกได้ถูกตั้งชื่อใหม่ว่า "ไอพอดคลาสสิก"(iPod classic) เพื่อแบ่งแยกกับไอพอดรุ่นใหม่(วิกิพีเดีย)

ไอพอดเป็นเหมือนเพื่อนฉันเวลาที่ฉันอยู่คนเดียวหรือต้องการฟังเพลงที่ฉันชอบ ฉันเริ่มใช้มันเวลาที่ฉันเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นใกล้หรือไกลเพราะฉันจะใส่เพลงที่ฉันชอบและเป็นที่นิยมไว้ในไอพอดเสมอ เช่นเวลาออกไปทานข้าวนอกบ้าน ฉัน พ่อและแม่ มักจะฟังเพลงที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ดังนั้นฉันก็จะพกไอพอดไปฟังในรถด้วยและปล่อยให้พ่อกับแม่ฟังเพลงจากในรถ เช่นเดียวกับเวลาที่ฉันไปออกกำลังกาย เวลาที่เดินหรือวิ่งคนเดียว ฉันก็มักจะฟังเพลงจากไอพอดไปด้วยเนื่องจาก บางครั้งเพลงหรือรายการโทรทัศน์ที่เปิดอยู่อาจจะไม่ถูกใจ ฉันก็สามารถฟังเพลงที่ฉันต้องการจากไอพอดได้ นอกจากนี้เมื่อเวลาอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำ ฉันก็จะนำไอพอดมาเล่นเกมเพื่อฆ่าเวลา ซึ่งเกมในนั้นสนุกมาก เกมที่ฉันชอบที่สุดก็คือเกมทายชื่อเพลง แต่ฉันก็เล่นได้ไม่ค่อยถนัดนัก เพราะว่าเครื่องไอพอดของฉันยังอ่านภาษาไทยไม่ได้ และยังไม่สามารถอัพโปรแกรมได้จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าฉันจะใช้มาเปนเวลาเกือบ2ปีแล้วก็ตาม นอกจากนี้ไอพอดยังมีประโยชน์กับฉันเมื่อเวลาไฟฟ้าดับ เครื่องไฟฟ้าทุกชนิดก็จะไม่สามารถใช้งานได้ แต่ฉันก็ยังสามารถฟังเพลงหร้อมกับเล่นเกมไปด้วยเพื่อรอเวลาที่ไฟฟ้ามา ยิ่งไปกว่านั้นไอพอดยังเป็นเครื่องเก็บข้อมูลสำหรับฉันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานหรือรูป ที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ฉันก็สามารถนำมาลงไว้ในไอพอดได้ เนื่องจากความจุ4G ฉันจึงไม่ต้องกังวลเรื่องหน่วยความจำจะเต็มง่ายๆ เช่นเดียวกับการบรรยายของอาจารย์ในกระบวนวิชานี้ ฉันและเพื่อนก็ได้บันทึกเสียงของอาจารย์ไว้และฉันก็คิดว่าจะนำมาลงไว้ในไอพอดเพื่อฟังซ้ำเมื่อใกล้ถึงเวลาสอบ ทำให้ประหยัดเวลาในการอ่านหนังสือไปได้พอสมควร
แต่อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าไอพอดก็เป็นเพียงเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มาโฆษณาว่ามีคุณภาพ เพรียบพร้อมไปด้วยข่อดีแต่อย่างใด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีสองด้านทั้งนั้น ดังนั้นการที่เราจะตัดสินใจซื้ออะไรก็ตามควรคิดให้รอบคอบและคำนึงถึงการใช้งานของมันเป็นอันดับแรก

ฮาร์ดดิสก์พังมีวิธีแก้อย่างไรบ้าง


ฉันบังเอิญได้ไปอ่านบทความนี้จากเวปไซต์หนึ่งและเห็นว่าเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวกับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก จึงได้นำบทความนี้มาเขียนไว้ในบล็อกเพื่อเป็นความรู้แก่บุคคลที่เข้ามาอ่าน

หลายปีก่อนผู้เขียนได้รับบริจาคคอมพิวเตอร์ความเร็ว 500 MHz จากคุณน้า เพราะลูกของท่านต้องการเครื่องที่แรงกว่าไว้เล่นเกมซิม ดูหนัง และฟังเพลง เมื่อได้รับเครื่องบริจาคก็ใช้งานเรื่อยมาถึงสัปดาห์ก่อนก็มีอาการขัดข้อง ฮาร์ดดิสก์มีเสียงดังแกร็ก และค้นหาด้วยไบออส (BIOS) ไม่พบ แม้ถอดฮาร์ดดิสก์ไปทดสอบในเครื่องอื่นก็พบอาการเดียวกัน สรุปได้ว่าฮาร์ดดิสก์พัง และจะหาทางออกอย่างไร
ทางเลือกแรก คือ Flash Drive หรือ Thumb Drive ที่ราคาถูกลง มีความสามารถมากขึ้น สามารถเก็บข้อมูล และมีระบบปฏิบัติการในตัวได้เหมือนฮาร์ดดิสก์ คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีตัวเลือกที่จะบูตระบบด้วยอุปกรณ์ดังกล่าว ดังนั้นในอนาคตเราอาจไม่จำเป็นต้องมีฮาร์ดดิสก์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะทุกคนมีหน่วยความจำแบบพกพา (Portable Memory) ห้อยคอไว้ และมีความจุที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
ซื้อฮาร์ดดิสก์ใหม่ หรือคอมพิวเตอร์มือสอง เป็นทางเลือกที่เร้าใจไม่แพ้กัน เพราะทั้งสองต่างก็ยังเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ความเร็วต่ำ เคลื่อนย้ายไม่ง่าย และอาจมีปัญหาเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ เพราะอุปกรณ์อื่นในคอมพิวเตอร์ล้วนพ้นระยะเวลารับประกันทั้งสิ้น เหตุที่ 2 ทางเลือกนี้น่าสนใจ เพราะมีค่าใช้จ่ายต่ำ และได้น้ำได้เนื้อเป็นชิ้นเป็นอัน ที่มาพร้อมกับความเสี่ยง
ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท หลายคนอาจไม่เชื่อมั่นในประสิทธิภาพของเครื่องประกอบเหล่านี้ แต่ขอให้เชื่อเถอะว่ามันอยู่ที่ดวง เพื่อนผมซื้อเครื่องยี่ห้อราคา 50,000 บาท ปีแรกส่งซ่อมซะ 3 ครั้ง ส่วนผู้เขียนซื้อเครื่องประกอบ แต่ไม่เคยส่งซ่อมเลย ถ้าต้องการแค่พิมพ์งาน แต่งภาพกราฟฟิก สืบค้นข้อมูล เขียนเว็บ ทดสอบโปรแกรม หรือลงหลายระบบปฏิบัติการ เครื่องประกอบราคาถูก รองรับได้แน่นอน
ทางเลือกที่ห้า บูตด้วยซีดีแทนฮาร์ดิสก์ ปัจจุบันมีการสร้างซีดี สำหรับบูตเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อกู้คืนข้อมูล ในกรณีฮาร์ดดิกส์ตัวเดิมทำงานผิดปกติ โดยมีหน้าตาแบบ Windows XP และสามารถใช้โปรแกรมต่าง ๆ ที่มีมาให้ ในเครื่องของผู้เขียนไม่มีฮาร์ดดิสก์เพราะพังไปแล้ว จึงทดสอบใช้ซีดีนี้บูตเครื่องแทนฮาร์ดิสก์ ผลการทดสอบพบว่าใช้งานได้เหมือนมีฮาร์ดดิสก์ตามปกติ แต่เสียดายที่ไม่มีเกมให้เด็กเล่น และไม่มีหน่วยเก็บข้อมูลถาวร เมื่อไม่มีฮาร์ดดิสก์ ก็ต้องเก็บข้อมูลไว้ในแรม (Temporary Memory) หลังปิดเครื่อง หรือไฟฟ้าดับ ข้อมูลที่เก็บไว้ก็หายหมด ดังนั้นการนำซีดีที่ได้จาก www.reatogo.de มาใช้แทนฮาร์ดดิสก์อย่างเป็นเรื่องเป็นราวคงไม่ได้ เพราะเป้าหมายของการ Reatogo-X-PE เป็นเพียงแผ่นกู้คืนข้อมูล ในกรณีเข้าระบบปฏิบัติการของ Windows ตามปกติไม่ได้ และต้องการกู้คืนข้อมูลเท่านั้น .. แม้มีถึง 5 วิธีให้เลือก แต่วันนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทางใด เพราะทุกทางต้องใช้เงิน และต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

Internet Vs Me





ถ้าจะกล่าว ถึง ความหมายของ อินเทอร์เน็ต ตามความหมายในวิกิพีเดีย คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์นานาชาติ ที่มีสายตรงเชื่อมต่อไปยังสถาบันหรือหน่วยงานต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก. ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ทางอีเมล์ สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้. อย่างไรก็ตาม มีผู้เปรียบเทียบว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนทางหลวงระหว่างประเทศ แต่ละประเทศจะต้องมีถนนเข้ามาเชื่อมต่อเข้าไปในประเทศ กล่าวคือ จะต้องมีเครือข่ายภายในรับช่วงต่ออีกทอดหนึ่ง มิฉะนั้นก็จะใช้ไม่ได้ผล ดังนั้น โลกปัจจุบันนี้ อินเทอร์เน็ต ล้วนมีความหมายมากกว่าเป็นทางเชื่อมในสถาบันหรือหน่วยงานต่างๆเท่านั้น อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนเครือข่ายเชื่อมต่อ ผู้คนทั่วโลกเพื่อการสื่อสารติดต่อกัน ในเกือบทุกกรณี

ต่อไปจะกล่าวถึงบทบาทของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตกับชีวิตของฉันในรั้วมหาวิทยาลัย เนื่องจากตอนนี้ฉันก็ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 แล้ว ก็ได้มีความคุ้นเคยกับการลงละเบียนทางอินเทอร์เน็ตรวมทั้งการเพิ่ม ถอนกระบวนวิชาต่างๆ มากแล้ว นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่อินเทอร์เน็ตมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตการเป็นนักศึกษามากพอสมควร ต่อมาอินเทอร์เน็ตก็เริ่มมีความสำคัญกับชีวิตฉันมากขึ้นในแง่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำการบ้าน หรือแม้กระทั่งการนำเสนองานหน้าชั้นเรียน โดยส่วนใหญ่ เนื้อหาในวิชาเรียนก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักศึกษาอยู่แล้วว่า สามารถหาข้อมูล เนื้อหาเกี่ยวกับวิชาที่เรียนได้ ในกรณีของฉันหากเริ่มจากการลงทะเบียน หรือ เพิ่ม ถอนกระบวนวิชาในอินเทอร์เน็ตแล้ว การตรวจสอบผลการเรียนทางอินเทอร์เน็ตก็เป็นเรื่องสำคัญแก่ฉันมาก เพราะทุกครั้งเมื่อผลการเรียนออกมาแล้ว นักศึกษาก็จะสามารถตรวจสอบได้หลายทาง เช่น ส่งข้อความ, ดูในอินเทอร์เน็ต, ฯลฯ นอกจากนี้ ในด้านบันเทิงในชีวิตฉัน อินเทอร์เน็ตก็เป็นสิ่งช่วยสร้างความบันเทิงให้แก่ฉันเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อฉันมีเวลาว่าง ฉันก็จะเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อsearch หาสิ่งที่ฉันสนใจและอยากรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลง ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยี ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในด้านเพลง ฉันเป็นคนที่ชอบฟังเพลงมากและมักจะหาเพลงใหม่ๆมาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เสมอ และฉันก็มีเวปไซด์ประจำที่ชอบเข้าเสมอเพื่อการโหลดเพลง แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่แนะนำให้ทำเป็นแบบอย่าง แต่ก็เป็นเพราะอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ฉันสามารถโหลดและเข้าถึงเพลงได้ง่ายดาย เช่นเดียวกับในด้านภาพยนตร์ เกือบจะทุกครั้งที่ฉันอยากจะไปชมภาพยนตร์ ฉันก็จะต้องเข้าไปตรวจสอบรอบของภาพยนตร์ในอินเทอร์เน็ตทุกครั้งเพื่อจะได้จัดการเวลาของตนเองให้เหมาะสมกับรอบที่ต้องการจะดู ซึ่งฉันก็คิดว่าคนอื่นๆก็คงจะทำเช่นนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงดวงที่หน้าโรงหนังว่าจะมีรอบใดที่สามรถดูได้บ้าง สุดท้ายในด้านเทคโนโลยี ฉันก็จะมีความสนใจอยู่ไม่กี่เรื่อง เช่น โทรศัพท์มือถือ และ คอมพิวเตอร์แบบพกพา ฯลฯ อินเทอร์เน็ตทำให้ฉันทรบถึงความคืบหน้าของอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ว่ามีรุ่นใดออกใหม่บ้างและจะได้เปรียบเทียบคุณภาพและราคาในอินเทอร์เน็ตได้เลย โดยเจ้าของเว็ปไซด์จะได้จัดระบบการเปรียบเทียบไว้ให้เรียบร้อย

โดยสรุปแล้วเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีบทบาทในชีวิตของฉันมาก และฉันก็คิดว่าคนอื่นก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้น ฉันคิดว่าถ้าจะใช้เทคโนโลยีทุกสิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุดนั้น เราควรจะมีวิจารณญาณในการใช้ คือควรจะมีขีดจำกัด ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือในการทำสิ่งที่จะไม่เกิดประโยชน์และไม่เหมาะสมกับวุฒิภาวะ
พิชามญชุ์ กาญจนกามล

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551

นาฬิกา...สิ่งที่เป็นมากกว่าคำว่า "เวลา"

นาฬิกา: สิ่งที่เป็นมากกว่าคำว่า “เวลา”


“โลกและจักรวาลไม่เคยหยุดนิ่ง หรือว่าโลกและจักรวาลอาจเป็นสิ่งที่หยุดนิ่งไปแล้ว” คำว่า “เวลา” เป็นสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้นมา เพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกถึงสภาพความเป็นไปที่เปลี่ยนแปลงไป ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากไม่มีเวลา ทุกสิ่งเหมือนหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว มีแค่มืดและสว่าง เท่านั้น
อดีตกาล มนุษย์ยังไม่มีสิ่งที่ใช้สำหรับบ่งบอกถึงเวลา แต่มนุษย์อาศัยการบอกเวลาจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น กลางวันคือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น กลางคืนคือเวลาที่พระอาทิตย์ตกและมีพระจันทร์ขึ้น การดูเวลา สามารถสังเกตจากดวงอาทิตย์ ช่วงไหนคือเวลาใด สังเกตจากดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ ตัวอย่างเช่น เวลาเที่ยง คือเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ในลักษณะตรงอยู่บนศีรษะพอดี เวลาบ่าย คือเวลาที่ดวงอาทิตย์คล้อยลงไป เป็นต้น ฤดูกาล สังเกตจากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงรอบๆ ตัว เช่นต้นไม้ ลมพายุ เป็นต้น จนกระทั่งมนุษย์ได้มีการประดิษฐ์นาฬิกาขึ้นมา และมีการสร้างปฏิทินขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรก ทำให้มนุษย์สามารถรู้เวลาได้แน่นอนมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่เวลาที่น้อยที่สุด ไปจนถึงเวลาที่นานที่สุด คือ จากวินาที ไปจนถึงชั่วโมง และไปเป็นปี จนถึงล้านล้านปี
ทุกวันนี้ นาฬิกาได้ถูกประยุกต์มาใช้ในหลายรูปแบบ เทคโนโลยีทางด้านนาฬิกามีความเจริญก้าวหน้าไปมาก นาฬิกามีตั้งแต่ขนาดใหญ่มาก ๆ ไปจนถึงขนาดเล็กที่สุด ตัวอย่างเช่น หอนาฬิกาบิ๊กแบนของอังกฤษ หรือหอนาฬิกาที่วงเวียน มช. เป็นต้น
ปัจจุบันเทคโนโลยีในเรื่องของนาฬิกา มิได้เป็นเพียงนาฬิกาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป อุปกรณ์หลาย ๆ อย่าง ได้กลายเป็นนาฬิกาไปด้วย เช่น นาฬิกาในโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาในคอมพิวเตอร์ นาฬิกาในกล้องถ่ายรูปดิจิตอล นาฬิกาในรถยนต์ เป็นต้น และนาฬิกาที่ใช้ทุกวันนี้ ไม่ได้บอกแค่เวลาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป มีนาฬิกาที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ เช่น นาฬิกาข้อมือที่ใช้เป็นเครื่องเล่นเพลง mp 3 นาฬิกาข้อมือที่สามารถวัดความดันของผู้สวมใส่ได้ หรือนาฬิกาข้อมือที่ใช้สำหรับบอกทิศ และเป็นเครื่องมือที่มีแผนที่อยู่ในตัว เป็นต้น

หุ่นยนต์...เครื่องจักรหัวใจมนุษย์

เครื่องจักรหัวใจมนุษย์

“จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโลกมนุษย์ที่เคยสวยงามไม่น่าอยู่อีกต่อไป และมนุษย์จำต้องลาจากโลกนี้ไปอย่างไร้จุดหมาย พร้อมกับใครบางคนลืมปิดสวิตช์หุ่นยนต์ตัวหนึ่งไว้”
หุ่นยนต์เป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี นับตั้งแต่การกำเนิดมนุษย์เป็นต้นมา มนุษย์คือสัตว์ที่ไม่อยู่กับที่ มีพัฒนาการทางด้านความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ ซึ่งถือว่าเป็นพรสวรรค์ที่อยู่ติดกับมนุษย์มาตั้งแต่เกิด จนกระทั่งได้พัฒนาความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวัน ยุคอดีต การทำงานด้านต่าง ๆ ล้วนใช้แรงงานจากคนทั้งสิ้น จนกระทั่งต่อมา มนุษย์เริ่มรู้จักเพาะปลูก และทำการปศุสัตว์ จึงมีการนำแรงงานสัตว์มาช่วยในการทำงาน เช่น การใช้ควายในการไถนา การใช้ช้างในการทำป่าไม้ เป็นต้น
หรือแม้กระทั่งใช้เป็นพาหนะสำหรับการเดินทางและขนส่ง ต่อมา เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น สามารถผลิตเครื่องจักรมาใช้แทนแรงงานคนได้ การทำงานในด้านต่าง ๆ จึงได้ใช้เทคโนโลยีมาทำแทน
ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ทำให้มนุษย์ทุกวันนี้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความก้าวหน้าทางด้านหุ่นยนต์ เครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ สามารถมาทดแทนการทำงานโดยใช้คน ทุกวันนี้ ในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ล้วนใช้หุ่นยนต์ในการผลิตเกือบทั้งสิ้น ทำให้สามารถผลิตได้จำนวนมาก และได้มาตรฐานเดียวกัน ทำให้การผลิตเพื่อใช้บริโภคตามความเชื่อดั้งเดิมเปลี่ยนไป การผลิตมิได้เพื่อใช้เพื่อการาบริโภคในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น แต่เพื่อความฟุ่มเฟือย เหลือความต้องการ ทำให้ทุกวันนี้ มีการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เพื่อการผลิตสินค้ามากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ ที่ทรัพยากรธรรมชาติมีโอกาสที่จะขาดแคลน และหมดไปในที่สุด
หุ่นยนต์ คือนวัตกรรมที่มนุษย์ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนแรงงานคน และสัตว์ ทุกวันนี้หุ่นยนต์มีมากมายหลายประเภท แล้วแต่ชนิดการใช้งาน เริ่มตั้งแต่หุ่นยนต์แบบง่าย ๆ ใช้เฉพาะทาง เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรม จนไปถึงหุ่นยนต์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด สามารถทำงานเกือบทุกอย่างเหมือนกับมนุษย์ ช่วยมนุษย์ทำงานบ้าน ดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น
เมื่อไม่นานมานี้ มีภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องหนึ่ง ออกมาฉายเปรียบเสมือนการเตือนเล็ก ๆ ถึงมนุษย์ที่ยังหลงมัวเมากับการบริโภคนิยมจนโงหัวไม่ขึ้นว่า โลกที่สวยงามในปัจจุบัน สักวันหนึ่งอาจเป็นอย่างในหนังเรื่อง วอลล์- อี ก็ได้
วอลล์-อี เป็นหนังการ์ตูนที่พูดถึงโลกอนาคตอีก 700 ปี ข้างหน้านับจากนี้ ที่มนุษย์ปล่อยให้โลกทิ้งร้างอย่างน่าใจหาย ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยขยะ โดยก่อนที่มนุษย์ทุกคนจะหนีขึ้นยานอวกาศเพื่อไปจากโลก ก็มีคนตั้งโปรแกรมหุ่นยนต์กำจัดขยะรุ่นอี (วอลล์-อี) ไว้กำจัดสิ่งปฏิกูลบนโลก และหวังว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น มนุษย์ก็จะได้กลับมาเหยียบพื้นโลกที่สะอาดและบริสุทธิ์อีกครั้ง
วอลล์-อี ทำหน้าที่กำจัดขยะไปวัน ๆ ตามที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหุ่นยนต์ตัวที่ว่าไร้หัวใจ กลับเริ่มมีหัวใจขึ้นมา ด้วยการเรียนรู้จากสิ่งละอันพันละน้อยที่มนุษย์ทิ้งไว้เป็นขยะ และหวังว่าจะมีใครสักคนมาคลายความเหงาเปล่าเปลี่ยวบนโลกอันไร้ผู้คน
และแล้ววันหนึ่ง มนุษย์ก็ส่งหุ่นยนต์เก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตนามว่าอีฟ ลงมาบนโลก เพื่อยืนยันว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนโลกได้ พวกเขาก็พร้อมจะกลับลงมายังโลกอันเป็นถิ่นฐานเดิมอีกครั้งหนึ่ง วอลล์-อี กับอีฟต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่ด้วยเหตุการณ์ไม่เป็นใจ เมื่ออีฟเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตได้ ตัวเองต้องดับลงทันที วอลล์-อี พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เธอกลับมาลืมตาอีกครั้ง
จากเนื้อเรื่องภาพยนตร์ข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า ถึงแม้มนุษย์จะมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเพียงใด แต่หากใช้ไม่เป็นประโยชน์ ไม่รู้จักการอนุรักษ์และประมาณในการใช้ สักวันหนึ่งโลกนี้จะเต็มไปด้วยขยะ จนในที่สุดมนุษย์ก็อยู่ไม่ได้ เหลืออยู่สิ่งเดียวที่อยู่ได้ นั่นคือ หุ่นยนต์ที่มนุษย์ตั้งโปรแกรมเอาไว้ เพื่อช่วยกอบกู้โลกนี้ให้สามารถให้คนกลับมาอยู่ได้อีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

ดันแผนแม่บทไอทีฉบับที่ 2 เน้นพัฒนาคน - ธรรมาภิบาล

นายมั่น พัธโนทัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) เผยว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2550 เห็นชอบให้กระทรวงฯ ขยายเวลาในการบังคับใช้แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารของประเทศไทย (ฉบับที่ 1) ออกไปจนถึง 2551และมอบหมายให้กระทรวงฯร่วมมือกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค ทำแผนแม่บท ICT ฉบับที่ 2 ขึ้น นั้น ล่าสุดแผนแม่บท ไอซีที ฉบับ 2 สำเร็จลุล่วงเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเหลือเพียงรวบรวมความคิดเห็นต่างๆ นำมาปรับปรุงเพิ่มเติมให้แผนดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น "หวังว่าแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ฉบับ 2 นี้ จะเป็นยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง และเพื่อให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก" ด้านนายชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า จากการดำเนินงานของร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ฉบับที่ 2 เรื่องหลักๆ และมีความสำคัญมากคือ การพัฒนากำลังคน ให้มีคุณภาพและมีปริมาณที่เพียงพอต่อการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งการพัฒนาระบบบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีธรรมาภิบาล

การพัฒนาของMemory Stick

การพัฒนาของMemory Stick

ในปัจจุบันนี้สื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลได้มีการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง มีความจุมากขึ้นและสามารถรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วและมีแนวโน้มว่าจะเป็นที่นิยมในอนาคตนั่นก็คือ Memory Stick ฉะนั้น เครื่อง Computer PC ที่เราใช้งานกันอยู่ก็ได้มีการพัฒนาในเรื่องของระบบปฏิบัติการ
เพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้และเพื่อเร่งประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่ง ของเครื่อง Computer PCจาก Acer มีการใช้งานด้านมัลติมีเดียสูง เช่น การทำงานด้านกราฟิก
การ Convert File และงานด้านอื่นๆที่ต้องการใช้ Spec ของเครื่องสูง ดังนั้นทาง Acer จึงตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้งาน ที่เพิ่มมากขึ้น…. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่Acer ผลิตออกมาใหม่นั้นจึงต้องมี Spec ที่ดี เช่น CPUที่ใช้ต้องมีความเร็วสูง อย่าง Pentium 4 ขนาด 1.6 GH System Memory 128 MB Connection Port 4 USB Port เป็นต้น เพื่อรองรับกับการใช้งาน ในปัจจุบัน ด้วยพัฒนาการของสื่อบันทึกข้อมูลที่ไม่หยุดนิ่ง และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น นับวันก็จะยิ่งมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆนั่น ก็คือ Memory Stick ความโดดเด่นของเทคโนโลยีตัวใหม่นี้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือสามารถโอนถ่ายข้อมูลจากกล้องดิจิตอลหรือ จะเป็นเครื่องเล่น MP 3หรือ Scanner โดยไม่จำเป็นต้องใช้สาย USB Port เหมือนในปัจจุบัน เพราะด้วย Memory Stick Reader ที่เป็นเหมือนอีกหนึ่ง Drive ในเครื่องคอมพิวเตอร์จะช่วยให้โอนถ่ายข้อมูลที่มีขนาด ไฟล์ใหญ่ๆได้อย่างง่ายดาย และเพื่อเพิ่มความคล่องตัวความสะดวกสบายในการทำงานในที่ต่างๆ
มีการออกแบบ ฮาร์ดดิสแบบพกพา หรือ Go To Drive
ช่วยให้การทำงานสะดวกและปลอดภัยขึ้นทั้งการใช้ในที่ทำงานและนำกลับไปใช้ต่อเนื่องที่บ้าน นอกจากนี้ยังมี Handy Holder CD ที่สามารถเก็บแผ่น CD ได้ถึง 6 แผ่น ความพยายามของ Acer Computerในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับ ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง




โปรแกรม WaveLab

โปรแกรม WaveLab เป็นซอฟต์แวร์ทางด้านดนตรีที่เรีฃียกได้ว่า เล็กพริกขี้หนู ด้วยขนาดไฟล์ที่เล็กเพียงประมาณ 20 กว่าเม็ก แต่ทำงานดนตรีระดับบิ๊กได้สบาย
ในการใช้งานโดยทั่วๆไปของโปรแกรมนี้ สามารถอัดเสียงต่างๆลงมาเป็นไฟล์ wave หรือ mp3 ลงในเครื่องของเรา นอกจากนี้ยังสามารถแปลง Audio CD เป็นMp3 และปรับความดังของไฟล์ที่เรามีให้ดังเท่ากับระดับมาตรฐานของ CD Audio ทั่วไป
เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว ฉันได้มีโอกาสใช้โปรแกรม WaveLab ในการทำงาน Radio Documentary ก่อนจะใช้งานโปรแกรมนี้ ได้มีการทำ Workshop โดยช่างเทคนิคของสถานนี้วิทยุ FM100 ฉันได้เรียนรู้การใช้โปรแกรมโดยการใส่ไฟล์เสียงลงไปในโปแกรม และนอกจากนี้ยังรู้วิธีการ fade เสียงให้เบาลง เพราะ ฉันต้องใช้โปรแกรมนี้ในการทำรายการข่าวสั้นช่วง 5 นาที และในไฟล์เสียงต้องประกอบไปด้วย เสียงผู้ประกาศ ผู้บรรยาย ผู้ถูกสัมพาษณ์ และ ดนตรีประกอบ จึงต้องมีการ fade เสียงเบา หรือ เพิ่มขึ้น ท้ายการWorkshop ช่างเทคนิคได้แนะนำให้ก็อปไฟล์ โปรแกรม WaveLab ใส่ Handy drive เพื่อไปติดตั้งและใช้งาน แต่ปรากฏว่า พอนำมาติดตั้งลงยังเครื่องโนตบุ๊คของฉัน
ไม่สามารถใช้งานโปรแกรมได้ เนื่องจากโปรแกรม WaveLab ไม่สามารถติตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows Vista แต่สามารถใช้กับ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP
ทำให้สร้างปัญหากับฉันเป็นอย่างมาก แต่ฉันก็สามารถแก้ไขปัญหาและทำงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จากประสบการณ์ที่ได้รับอยากจะนำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆทราบถึง ข้อมูลการใช้งานของโปรแกรม WaveLab ที่อาจจะเป็นโปรแกรมที่มีผู้ใช้งานในวงแคบเฉพาะวงการดนตรี ข่าว หรือสถานีวิทยุทั่วไป
หากฉันไม่ได้ทำการ Workshop ในครั้งนั้น ฉันก็จะไม่ได้รับความรู้ว่ามีโปรแกรมนี้อยู่ในโลกด้วยหรอ

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

โครงการไอซีทีเพื่อการพัฒนา

ด้วยประโยคที่ว่า “เราเชื่อว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นโอกาสหรือเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาสังคม ลดข้อจำกัดระหว่างชนบทกับเมือง ความเสมอภาคสังคม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ สร้างความเป็นธรรมในสังคม”
จึงเป็นที่มาของ โครงการICTเพื่อการพัฒนา(ICT4D) จากจุดเริ่มต้นเมื่อ10ปีที่ แล้ว จากแนวคิดการพัฒนาองค์กรด้วย ICTหรือการใช้ ICT เข้ามาเสริมบทบาทของ งานสังคมซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาที่ได้ประโยชน์สูงสุด เริ่มต้นจากการใช้ระบบ ICT ที่สำนักงานเชียงราย ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้งานที่ต้องการพัฒนา กระจายสู่มวลชนกลุ่มใหญ่ด้วยเวลาอันรวดเร็ว
โครงการICTเพื่อการพัฒนา (ICT4D) สำนักงานกรุงเทพเริ่มขึ้น เมื่อสามปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาระบบ ICT ภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ และในปัจจุบัน โครงการICT เพื่อการพัฒนา (ICT4D) ได้ประยุกต์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกโครงการภายใต้งาน ของมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งเป็นมูลนิธิเพื่อการพัฒนา ด้วยจำนวน กว่า 20เว็บไซต์ และยังเป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ และจัดทำฐานข้อมูลให้กับหน่วยงานต่างๆ หลายสิบแห่งและก้าวต่อไปของโครงการICTเพื่อการพัฒนา (ICT4D) เราเดินหน้าการพัฒนาให้ความรู้กับเด็กที่ด้อยโอกาสภายใต้ชื่อโครงการ “ศูนย์การเรียนไอทีเพื่อชุมชน”

จากข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่ว่า
"เพราะความรู้ในเรื่องคอมพิวเตอร์มีความจำเป็นต่อชีวิตในสังคมปัจจุบัน และโครงการICTเพื่อการพัฒนา (ICT4D) เชื่อว่าระบบ ICT สามารถพัฒนาความรู้ได้อย่างไม่สิ้นสุด"

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

สมาชิก !!

สมาชิก

นางสาวพิชามญชุ์ กาญจนกามล 4801062
นางสาวอภิรดี วรรณไพศาล 48o11o4
นายสหเทพ สุวรรณเกสร์ 4819134
นายพงศพัค เชียงคำ 4819119
นายสิรวิชญ์ ปัตติธรรม 4819135
นายฐานันดร เตชะอศอนันต์ 491910016